รีวิว “Sacred Games” เกมแห่งอำนาจ ในนามแห่งความศรัทธา



โดยจุดเริ่มต้นของซีรีส์เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ อีริค บาร์แมค รองประธานของ เน็ตฟลิกซ์ ได้พูดคุยกับ วิครามาดิเตีย โมทวานี นักสร้างหนังอินเดียถึงความเป็นไปได้ในการบุกตลาดสร้างซีรีส์อินเดีย และฉายในแพลตฟอร์มของเน็ตฟลิกซ์ โมทวานี จึงเสนอโปรเจกต์ทริลเลอร์ อาชญากรรม ที่ชื่อ “Sacred Games” ซึ่งสร้างจากนิยายเล่มหนาชื่อเดียวกันในปี 2006 ของ วิกราม จันทรา (นิยายเรื่องนี้คว้ารางวัล Crossword Book Awards ซึ่งก็คล้ายๆ กับรางวัลซีไรต์ในบ้านเรานั่นแหละครับ) และเมื่อโปรเจกต์ผ่าน เขาก็ชวน อนุรัก คาชแยป มาเป็นผู้กำกับร่วมกัน เหตุที่ต้องมีผู้กำกับสองคนนั้นก็เพราะว่า “Sacred Games” นั้นเล่าเรื่องสองไทม์ไลน์คู่ขนานกัน โมทวานี กับ คาชแยป เลยแยกกำกับกันคนละเส้นเรื่องก่อนจะเอามาร้อยเรียงกันเป็นซีรีส์ในจำนวน 8 ตอน  ดูหนัง Netfilx


“Sacred Games” เล่าเรื่องคู่ขนานกันสองช่วงเวลาของตัวละครสองคน คนแรกคือ สารวัตร ซาร์เทจ ซิงห์ (แซฟ อลี ข่าน) ตำรวจน้ำดีชั้นผู้น้อยที่กำลังตกที่นั่งลำบากเพราะความตรงไปตรงมาของตนดันไปขวางทางเดินของผู้บังคับบัญชา ส่วนคนที่สองคือ คเณศ ไกทอนเด (นาวาซุดดิน ซิดดิกู ถ้าใครเคยดูหนังเรื่อง “The Lunchbox” เขาคือคนที่แสดงเป็นเสมียนผู้ช่วยพระเอกจอมขโมยซีนนั่นแหละครับ) มาเฟียตัวเอ้ที่หายตัวลึกลับไปสิบกว่าปี เรื่องเริ่มที่วันหนึ่ง ซาร์เทจ ซิงห์ ได้รับโทรศัพท์ลึกลับจากปลายสายที่ระบุว่าเขาคือ ไกทอนเด มาเฟียในตำนานที่อยู่ๆ ก็โผล่มา ก่อนที่ ไกทอนเด จะเผยความลับสำคัญกับ ซาร์เทจ ว่าในอีก 25 วันข้างหน้า มุมไบจะกลายเป็นจุณ จะเกิดเหตุการณ์เลวร้ายอย่างที่สุดกับเมืองใหญ่เมืองนี้


ครับ นั่นคือปมประเด็นเริ่มต้นของ “Sacred Games” ก่อนที่ซีรีส์จะค่อยๆ เล่าเส้นเรื่องทั้งสองเส้นไปพร้อมๆ กัน ทั้งไทม์ไลน์ปัจจุบันที่ ซาร์เทจ ซิงห์ ต้องสืบหาปมสาเหตุที่อยู่ในคำเตือนของ ไกทอนเด เขาต้องร่วมมือกับ อัญชลี (รัดดิกา อัปเต คนที่แสดงซีรีส์ “Ghoul”) เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองที่เรียกว่า RAW ในการค้นหาให้พบว่าเหตุการณ์ที่ ไกทอนเด เตือนเอาไว้นั้นคืออะไรกันแน่ แถมยังมีเงื่อนเเวลาที่จำกัด คู่ขนานไปกับไทม์ไลน์เหตุการณ์ในอดีตของ ไกทอนเด ซึ่งเล่าต้้งแต่ยังเป็นเด็ก มาสู่การเป็นหนุ่มน้อยผู้คอยเวลาเรืองอำนาจที่ละเล็กน้อย จนสามารถสถาปนาตัวเองเป็นเจ้าพ่อแห่งโลกมืดในมุมไบได้ในที่สุด


ความสนุกของ “Sacred Games” ก็คือการค่อยๆ เผยปมเล็กๆ ตะปุ่มตะป่ำให้เห็นทีละปุ่มปม ซึ่งแต่ละปมก็นำไปสู่การขยายตัวรวมกันเป็นปัญหาต่างๆ ในสังคมอินเดียครับ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องความแตกต่างระหว่างชาติพันธ์และศาสนาซึ่งเป็นปัญหาคลาสสิกตลอดกาลในดินแดนที่มีทั้งความหลากหลายและขัดแย้งในเรื่องนี้กันมานาน แล้วความขัดแย้งนี้เองก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของเกมอำนาจ เมื่อมันถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโครงข่ายอำนาจของผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง โดยใช้วาทกรรมทำเพื่อศรัทธาและความเชื่อแทนที่คำว่าผลประโยชน์และความชิงชังส่วนตนนั่นเอง

ไม่ผิดเลยที่จะบอกว่า แท้จริงแล้ว “Sacred Games” ยืนอยู่บนประเด็นอันหนักอึ้งทีเดียวครับ แล้วประเด็นต่างๆ ยิ่งดูก็ยิ่งบานปลายแตกตัวไปเรื่อยๆ แต่ก็ต้องชม โมทวานี กับ คาชแยป ที่หาสมดุลระหว่างเนื้อหาอันหนักหน่วงกับการเล่าเรื่องที่สนุกได้ด้วยการทำให้ผู้ชมเอาใจช่วยสองตัวละครหลัก

ซาร์เทจ ซิงห์​ นั้นมีความเป็น แอนตี้-ฮีโร่ อยู่เต็มๆ เพราะทั้งที่เป็นตำรวจ ดูยังไงก็เป็นพระเอกเป็นคนไขคดีได้แน่ๆ แต่ชีวิตส่วนตัวของสารวัตรคนนี้กลับบัดซบมากครับ ดูไปก็สงสารไป เพราะชะตากรรมมันเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเหลือเกิน จนผู้ชมแทบไม่เหลือความมั่นใจเลยครับว่าตำรวจลูสเซอร์คนนี้เนี่ยนะจะเอาตัวรอดจากเรื่องต่างๆ ได้?


ในทางกลับกันวายร้ายอย่าง ไกทอนเด นั้นก็กลายเป็นตัวละครที่ผู้ชมเห็นอกเห็นใจครับ เพราะในความเลวร้าย ใจหิน โหดเหี้ยม ของเขานั้นล้วนถูกผลักดันจากความรักและชะตากรรมเล่นตลกอย่างแท้จริง เป็นตัวละครในแบบที่ผู้ชมเข้าใจว่าเพราะอะไรถึงทำแบบนั้นหรือถึงเป็นอย่างนี้ ซึ่งต้องชม ซิดดิกู มากครับ เขาแสดงได้ดีมากๆ จนทำให้ ไกทอนเด เป็นคาแรกเตอร์ที่มีเสน่ห์มาก


ทั้ง 8 ตอนในซีซั่นแรกของ “Sacred Games” นั้นจึงเป็นแค่การปูพื้นวางแบ็คกราวนด์ของตัวละคร และปมเหตุไว้นั่นเองครับ ซึ่งแน่นอนว่าเราก็ยังไม่รู้ว่าไอ้เหตุการณ์ที่ ไกทอนเด บอกเอาไว้มันคืออะไรกันแน่ แค่พอเห็นเค้าลางแล้วเท่านั้นเอง ก็ต้องมาว่ากันต่อในซีซั่นสองครับ ตามขนบซีรีส์ที่มันจบแบบต้องหงุดหงิดทุกที