พล็อตตัวละครหน้าเหมือนกันราวกับฝาแฝด เจ้าหญิงเจ้าชาย ปาฏิหาริย์วันคริสต์มาส เมื่อทุกอย่างถูกเขย่าเข้ารวมไว้ด้วยกัน จึงกลายเป็นผลงานหนังรอมคอมเรื่อง “The Princess Switch” ที่นำแสดงโดยดาราสาว (อดีตนักแสดงเด็กจากช่องดิสนีย์ แชนแนล) อย่าง วาเนสซา ฮัดเจนส์ ซึ่งว่าด้วยเรื่องราวของ สเตซี่ เดอ โนโว (ฮัดเจนส์) นักทำขนมฝีมือดีจากอเมริกา ที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการแข่งขันอบขนมคริสต์มาสนานาชาติครั้งที่ 56 ที่ประเทศเบลกราเวีย โดยแผนการครั้งนี้ เควิน (นิค ซาการ์) เพื่อนร่วมงานคนสนิทวางแผนเพื่อให้เธอได้มีโอกาสไปเปิดหูเปิดตา และเริ่มต้นชีวิตใหม่ หลังจากที่ สเตซี่ เลิกรากับแฟนหนุ่ม แต่เหมือนกับว่า สเตซี่ ก็ยังไม่อยากจะบินข้ามน้ำข้ามทะเลไปร่วมงานสักเท่าไหร่ ดูหนัง Netfilx
ระหว่างที่ สเตซี่ กำลังเดินซื้อของในเมืองอย่างเพลิดเพลิน เธอบังเอิญเจอกับแฟนเก่าที่กำลังจู๋จี๋กับผู้หญิงคนใหม่ นั่นทำให้เธอรู้ว่าเธอควรจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้แล้ว หลังจากที่ สเตซี่ บินไปถึงประเทศเบลกราเวีย เธอยังได้พบกับ บริแอนน่า ไมเคิลส์ (เอมี กริฟฟิธส์) คู่แข่งคนสำคัญของ สเตซี่ ตั้งแต่สมัยเรียนทำขนม นี่เป็นสัญญาณที่บอกให้ สเตซี่ รู้แล้วว่า การแข่งขันครั้งนี้คงไม่ใช่เรื่องง่าย ระหว่างที่ สเตซี่ กำลังเดินไปห้องน้ำ เธอบังเอิญเดินชนโครมเข้ากับ เลดี้มาร์กาเร็ต (ฮัดเจนส์) ทั้งสองตกใจมากเพราะหน้าตาของทั้งคู่ดันเหมือนกันราวกับแกะ
เลดี้มาร์กาเร็ตได้ยื่นข้อเสนอสุดประหลาดว่า เธออยากจะขอสลับตัวกับ สเตซี่ เพียงเพราะว่าเธออยากจะลองใช้ชีวิตแบบสามัญชนสักสองวัน เพราะหลังจากนี้เธอกำลังจะต้องเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับ เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด (แซม พาลลาดิโอ) ในขณะเดียวกัน สเตซี่ ก็ต้องก้าวเข้าไปสัมผัสชีวิตแบบสาวชาววังที่เต็มไปด้วยพิธีรีตอง แต่เพื่อเลดี้มาร์กาเร็ต สเตซี่จึงยอมทำแบบไม่คิดอะไร
แน่นอนว่าความสนุกสนานส่วนมากของ The Princess Switch มาจากความพยายามเป็นคนอื่นของ สเตซี่ และ เลดี้มาร์กาเรต ความเปิ่นของทั้งสองคนนำมาซึ่งฉากชวนขบขันและรอยยิ้ม ระหว่างทางฉากเข้าพระเข้านางก็จัดได้ว่าน่ารักน่าหยิก ไม่ว่าจะเป็นการจับคู่กันของสเตซี่กับเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด หรือการตกหลุมรักของเลดี้มาร์กาเรตกับเควิน ก็กลายเป็นคู่ขวัญที่ลงตัวอย่างน่าประหลาด
แม้จะไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่จากสูตรสำเร็จของหนังแนวตัวละครสลับตัว หรือหนังรักวันคริสต์มาส แต่ The Princess Switch ก็เป็นหนังที่ดูแล้วชวนยิ้มออก เพราะเคมีระหว่างนักแสดงนำนั้น น่ารักน่าชัง ถึงแม้เราจะรู้ดีกันอยู่แล้วว่าฉากจบของเรื่องก็ไม่ได้มีอะไรเหนือความคาดหมายเมื่อพิจารณาจากโทนของหนังที่พยายามนำไปสู่ฉากแฮปปี้เอนดิ้ง และจบลงด้วยความแฟนตาซี
