A Babysitter’s Guide To Monster Hunting



 หนังทุนสร้าง Netflix ที่มีพื้นฐานนิยายเด็กชื่อดัง และเมื่อถูกนำมาสร้างก็คงหวังสานต่อกันยาวๆ ซึ่งที่จริงโครงเรื่องถือว่าเป็นแนวแฟนตาซีผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ใช้ได้เลย ว่าด้วยตัวนางเอกที่เป็นเด็กวัยรุ่นช่วง ม.ต้น แต่กลับได้ไปพบเจอกับปีศาจที่มาลักพาตัวเด็กที่เธอรับหน้าที่เลี้ยง ซึ่งก็ไม่มีใครเชื่อ แต่แล้วก็มีสาววัยรุ่นพี่เลี้ยงเด็กอีกคนปรากฎตัวออกมา พร้อมกับเปิดคัมภีร์ล่าปีศาจที่มาจากองค์กรพันปี โดยปีศาจที่เอาเด็กคนนั้นไปคือบู้กี้แมน ปีศาจที่เข้ามาเล่นงานเด็กในฝัน เพื่อรวบรวมฝันร้ายของเด็กไปสร้างให้กลายเป็น ซึ่งนี่เป็นแค่ 1 ใน 7 บอสปีศาจระดับใหญ่ ที่นางเอกต้องชนะให้ได้ และก็ได้เรียนรู้การเป็นนักล่าปีศาจผ่านงานพี่เลี้ยงเด็กขององค์กรลับนี้


ธีมเรื่องเป็นแฟนตาซีเด็กใสๆ เต็มขั้น ไม่ได้มีฉากโหดร้ายรุนแรงอะไรให้เห็น มีกลิ่นไอแฮรี่พอร์ตเตอร์ตอนเปิดเรื่องนิดๆ ปีศาจก็ออกแนวสีลูกกวาดสดใสมีพฤติกรรมตลกๆ กันทุกตัว ซึ่งดูแล้วเหมาะกับเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ (เรต 7 ของเน็ตฟลิกซ์) แต่ก็ไม่ใช่ว่าเรื่องจะไม่สนุก ส่วนตัวถือว่าดูเพลินๆ ได้เลย งานสร้างมีมาตฐานที่สูงกว่าหนัง Netfix ทั่วไปแบบเห็นได้ชัดจากการใช้ CG ประกอบเรื่องตลอดเวลา ทั้งพวกปีศาจ โลเกชั่นแฟนตาซี หรือสกิลของนางเอกที่มองเห็นทุกอย่างประกอบเข้าด้วยกันในพริบตา แม้ว่า CG อาจจะดูการ์ตูนๆ แต่ก็เข้ากับเรื่องดี เป็นหนังที่สร้างมาเจาะกลุ่มผู้ชมเด็กกับครอบครัวโดยเฉพาะ


เนื้อเรื่องมีความเข้มข้นอยู่พอสมควร มีรายละเอียดลึกของตัวละคร องค์กรในเรื่องมีสาขาทั่วโลก พวกปีศาจก็มีรายละเอียดดีเทลอ้างอิงไว้มากมาย ซึ่งก็ดัดแปลงมาจากปีศาจในตำนานนิยายต่างๆ ของโลกตามปกติ แล้วเอามาเพิ่มดีเทลให้มากขึ้นพวกจุดอ่อนต่างๆ ซึ่งในเรื่องตัวเอกจะมีคู่มือสอนการต่อสู้กับปีศาจติดตัวไว้อ่าน ทำให้ตัวเรื่องเหมือนเร่งเรียนลัดเข้าสู่เรื่องการต่อสู้ปีศาจไว และก็ต่อสู้กันแบบง่ายๆ ไม่ต้องมีอะไรซับซ้อน


แต่การที่มีโครงสร้างมาจากนิยายก็ทำให้ตัวเรื่องพยายามทิ้งปมต่างๆ ไว้ อย่าง ลิซ ที่มาช่วยนางเอกก็มีปมตามหาน้องชายที่สูญหายไปจากปีศาจ ตัวนางเอกเองที่มีความสามารถเกี่ยวกับความฝันมาตั้งแต่เด็กก็ยังไม่เฉลย หรือการไปเจอปีศาจบางตัวแล้วก็ทิ้งคาไว้ไม่เคลียร์ให้หมด อีกทั้งปีศาจบอสก็บอกไว้เลยว่ามี 7 ตัว ทำให้ตัวเรื่องถูกเล่าแบบกั๊กๆ ไว้ตลอดทางจนดูเป็นหนังที่ทำมาเพื่อสร้างภาคต่อมากไป (คาดว่าเน็ตฟลิกซ์น่าจะไฟเขียวให้สร้างยาวตามลิขสิทธิ์จนจบ)


อีกสิ่งที่ส่วนตัวคิดว่ามีปัญหากับการชมพอสมควรคือ ตัวเรื่องพยายามเน้นว่าพวกนี้เป็นพี่เลี้ยงเด็ก ก็เลยต้องหอบเด็กเล็กใส่เป้สะพายหลังตะเลงๆ ไปปราบปีศาจด้วย บางทีก็ยังเอาเด็กไปวางล่อปีศาจ คือถึงจะไม่ได้มีฉากรุนแรงอะไร แต่ก็รู้สึกรำคาญพอสมควรกับการที่เรื่องต้องพยายามแบกเอาเด็กมาเอี่ยวด้วยให้เป็นจุดขายตามโครงสร้างองค์กรในเรื่องที่ว่าเกิดมาเพื่อช่วยเด็ก และก็ต้องเป็นพี่เลี้ยงเด็กกันทุกคน


นอกจากส่วนแฟนตาซีหลักของเรื่องแล้ว ตัวเรื่องยังพยายามให้มีส่วนของดราม่าวัยรุ่นในโรงเรียนตามสูตร นางเอกเป็นเนิร์ดเรียนเก่งมาก แต่ก็ถูกบูลลี่ล้อเลียนแกล้งจากทุกคน แต่แล้วก็มาเจอกับหนุ่มหล่อร่วมชั้น ที่ดูมีใจให้เธอตลอด ซึ่งเธอก็แอบปิ๊งเขาตั้งแต่แรกพบ แต่ว่ากลับมีปีศาจวุ่นๆ มาเป็นก้างขวางคอตลอด ทำให้ความรักในเรื่องตอนนี้ยังเป็นแค่จุดเริ่มปิ๊งๆ กันเท่านั้น


ตัวนักแสดง Tamara Smart นางเอกของเรื่องถือว่าโอเคเลย แต่อาจจะดูไม่มีเสน่ห์สักเท่าไหร่ แม้ว่าจะไม่ใช่ดาราโนเนมเพราะเริ่มดังแล้ว (ล่าสุดเล่น Artemis Fowl ของดิสนีย์+) แต่ลิซที่เล่นโดย Oona Laurence จะดูเด่นกว่าด้วยบทที่เป็นสายบู้หลักของเรื่อง และก็เป็นคนพานางเอกเข้าก๊วนล่าปีศาจโดยตรง ส่วนคนอื่นๆ ในทีมอาจจะไม่ได้เด่นมาก แต่ก็มีบทให้เล่นพอสมควร อย่างบทนักประดิษฐ์ประจำทีมเป็นหนุ่มร่างอ้วน ดูจะได้บทเด่นเป็นพิเศษกว่าคนอื่นในทีมที่เหลือมาก


ส่วนตัวร้ายของเรื่องเล่นโดย Tom Felton ที่เล่นเป็น Draco Malfoy จากแฮรี่พอร์ตเตอร์ แต่มาเรื่องนี้โดนเมคอัพกลบหมดจนจำไม่ได้เลย และบทก็แนวปีศาจทีเล่นทีจริง แอบเหมือนแนวการแสดงของ จอห์นนี เดปป์ อยู่เหมือนกัน


สรุป แม้งานสร้างจะดูลงทุนกว่าหนัง Neflix ทั่วไป แต่ก็ไม่ได้มีอะไรที่ดูยิ่งใหญ่มากจากแนวแฟนตาซีในปัจจุบัน เป็นเพียงหนังเด็กดูเพลินๆ กับครอบครัวได้ดี แต่ถ้าจะหาความจริงจังซีเรียสหรือดาร์คๆ หน่อยคงผิดหวัง

ความคิดเห็น